ในปี ค.ศ. 939 ผู้นำซามุไรแห่งคันโตนามว่า ไทระ โนะ มาซาคาโดะ (Taira no Masakado) อ้างตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ ทั้งยังตั้งตนเป็นปรปักษ์กับราชสำนักและก่อการปฏิวัติ ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองในหลายแคว้นของแถบคันโตประชาชนใช้ชีวิตอยู่อย่างวิตกกังวลและสับสน ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมสมเด็จพระสังฆราชคันโจไดโซโจที่ได้รับการร้องขอจากพระจักรพรรดิสุซาคุซึ่งเป็นจักรพรรดิในขณะนั้น ให้ช่วยปราบปรามเหตุการณ์ความไม่สงบ ได้ออกเดินทางจากเกียวโตพร้อมกับรูปสลักของ "องค์ฟุโดเมียวโอ" ที่พระโคโบไดชิคูไค ปรมาจารย์สงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่รูปหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้ลงมือแกะสลักด้วยตนเอง องค์พระสังฆราชล่องเรือมุ่งหน้าไปยังคันโตโดยขึ้นฝั่งที่โอดาเระกาฮามะบนแหลมโบโซ
หลังจากขึ้นฝั่งมาแล้วสมเด็จพระสังฆราชก็เสด็จพระดำเนินไปตามเส้นทาง ในท้ายที่สุดก็ได้ประดิษฐานองค์ฟุโดเมียวโอไว้ที่เมืองนาริตะ และเริ่มประกอบพิธีโกะมะคิโต เพื่ออธิษฐานขอให้ความสงบสุขกลับคืนมาสู่บ้านเมือง หลังจากประกอบพิธีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วัน ในที่สุดเหตุการณ์ความไม่สงบในแถบคันโตก็คลี่คลาย บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสันติสุขอีกครั้ง เมื่อสมเด็จพระสังฆราชคันโจไดโซโจจะเสด็จกลับเมืองเกียวโต รูปเคารพขององค์ฟุโดเมียวโอก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ราวกับว่ารูปสลักนั้นได้กลายเป็นหินก้อนใหญ่ อีกทั้งยังมีนิมิตถึงพุทธวจนะว่า "อยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน" ชื่อวัด "ชินโชจิ" เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระจักรพรรดิ และที่ตั้งของวัดที่ถูกสร้างขึ้นที่เมืองนาริตะ วัดแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "วัดนาริตะซันชินโชจิ"
ตั้งแต่ได้รับการก่อตั้งขึ้นมาก็มีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายแวะเวียนมาสักการะองค์ฟุโดเมียวโอแห่งวัดนาริตะซัน อาทิ "มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ" ผู้ก่อตั้งรัฐบาลโชกุนคามากุระ "โทกุกาวะ มิตสึกุนิ" ไดเมียวในสมัยรัฐบาลเอโดะ "นิโนมิยะ ซนโตคุ" ปัญญาชนผู้พลิกฟื้นหมู่บ้านเกษตรกรรมกว่า 600 แห่งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ในช่วงต้นสมัยเอโดะเป็นช่วงที่ละครคาบูกิได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ประชาชน มีนักแสดงละครคาบูกิผู้หนึ่งที่มีความศรัทธาต่อองค์ฟุโดเมียวโอแห่งวัดนาริตะอย่างแรงกล้า นามว่า อิจิคาวะ ดันจูโร่ (รุ่นที่ 1) ดันจูโร่ซึ่งเป็นนักแสดงที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมมากที่สุดในบรรดาเหล่านักแสดงคาบูกิ ได้นำเอาเรื่องราวของฟุโดเมียวโอไปแสดงในละครคาบูกิของตนเอง โดยใช้ชื่อคณะว่า "นาริตะยะ" ทำให้แรงเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์ฟุโดเมียวโอแผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ความศรัทธาของคณะนาริตะยะ ตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านคาบูกิมีต่อองค์ฟุโดเมียวโอ ก็ยังสืบต่อมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงที่มีการรับช่วงต่อของวงศ์ตระกูลที่เป็นการเปลี่ยนรุ่นดันจูโร่จากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง จะต้องมาสักการะองค์ฟุโดเมียวโอที่วัดนาริตะซันเสมอ สามารถสังเกตเห็นความเลื่อมใสศรัทธาอันลึกซึ้งได้จากเครื่องสักการะบูชาของดันจูโร่รุ่นก่อนๆ ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ภายในบริเวณวัด
สมเด็จพระสังฆราชคันโจไดโซโจ มีศักดิ์เป็นหลานของจักรพรรดิอุดะ ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 916 เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 2 ของเจ้าชายอะซึมิ ชินโน ทรงออกผนวชเมื่อเจริญพระชนมายุ 11 พรรษา พระองค์ทรงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญต่างๆ เรื่อยมา ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ของวัดนินนะจิ วัดโทไดจิ วัดไซจิ จากนั้นทรงเป็นเจ้าอาวาสของวัดโทจิ และในปี ค.ศ. 986 ทรงได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 3 ของญี่ปุ่น ต่อจากพระเกียวกิและพระเรียวเก็น ถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกของนิกายชินงอน ทรงเป็นพระสงฆ์องค์แรกที่ริเริ่มการสวด "โชเมียว" การสวดมนต์โดยใส่ดนตรีทำนองพื้นบ้านลงไปในบทสวด จนได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการฟื้นฟูบทสวดคำสอนลึกลับ
รูปสลักองค์ฟุโดเมียวโอ ณ วัดนาริตะซันนั้นเป็นพระพุทธรูปที่ปรมาจารย์คูไคทุ่มเทจิตวิญญาณและแรงศรัทธาในการลงมือสลักขึ้นมา โดยทำการแกะสลักด้วยวิธีที่เรียกว่า "1 มีด 3 กราบ" คือทรงก้มกราบ 3 ครั้งทุกๆ การลงมีดสลัก 1 ครั้ง
วัดนาริตะซันได้รับการปกปักคุ้มครองด้วยปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระประธานฟุโดเมียวโอ นับเป็นเวลากว่าพันปีแล้วที่ไฟจากการประกอบพิธีโกะมะคิโตไม่เคยดับลง ด้วยความมุ่งมั่นของนักบวชที่ยังคงทำหน้าที่ขอพรให้คำอธิษฐานของผู้มาสักการะสัมฤทธิ์ผล
ในพิธีโกะมะคิโตนั้น บทสวดอธิษฐานของพระสงฆ์และบทสวดอธิษฐานของผู้สักการะจะคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งคำขอนั้นจะถูกส่งผ่านไปสู่องค์ฟุโดเมียวโอ เพื่อให้พระองค์บันดาลให้พรนั้นสำเร็จเป็นจริง
ในปัจจุบัน "องค์ฟุโดเมียวโอแห่งวัดนาริตะซัน" ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสจากทั่วประเทศญี่ปุ่น เมื่อมาเยือนที่วัดแห่งนี้ ผู้ที่เลื่อมใสสามารถเข้าไปสักการะองค์ฟุโดเมียวโอในอุโบสถหลัก (ไดฮนโด) ได้
ฟุโดเมียวโอซึ่งเป็นองค์พระประธานแห่งวัดนาริตะซันนี้ เป็นเทพเจ้าที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพระไวโรจนพุทธะ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธลึกลับนิกายชินงอน
องค์ฟุโดเมียวโอจะมีพระพักตร์ที่อยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยว เพื่อช่วยกำจัดกิเลสตัณหาที่มัวเมาอยู่ภายในจิตใจของผู้คนและช่วยเหลือมนุษย์ทุกหมู่เหล่า มีผิวสีน้ำเงินเข้มกึ่งดำ เป็นเทพเจ้าที่ทำงานรับใช้พระไวโรจนพุทธะ สื่อถึงความสำคัญของการมีจิตใจเพื่อการอุทิศตน พระหัตถ์ขวาถือดาบปลายแหลม ใช้ในการตัดความลุ่มหลงภายในจิตใจ เป็นสัญลักษณ์ของ "ปัญญาสู่การตรัสรู้" พระหัตถ์ซ้ายถือเชือกที่เรียกว่า "เชือกห้าสี" ใช้ในการจับมัดกิเลส ช่วยชี้แนะผู้หลงผิดให้เดินกลับเข้ามาสู่เส้นทางแห่งมรรคทรงประทับนั่งในท่าขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่แข็งแรงไม่สั่นไหวที่เรียกว่า "ไดบังจะคุ" ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์อันเด็ดเดี่ยวขององค์ฟุโดเมียวโอ ที่ต้องการจะช่วยเหลือมนุษย์ทุกหมู่เหล่าโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคความยากลำบากด้านหลังคือเปลวไฟที่เผาสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่เกิดกับมนุษย์ให้มอดไหม้ไป
บทสวดบูชาเป็นบทสวดของพระพุทธศาสนาที่ถูกเขียนไว้ด้วยภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาโบราณของอินเดีย ในบทสวดมีเหตุและผลที่ถูกบรรจุเอาไว้มากมาย ดังคำสอนของพระปรมาจารย์โคโบ ไดชิ คูไคที่กล่าวเอาไว้ว่า "บทสวดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ หากจิตใจตั้งมั่นไปที่องค์พระประธานพร้อมๆ กับท่องบทสวดไปพร้อมๆ กัน ก็จะทำให้ความมืดมนซึ่งเป็นรากเหง้าของความโง่เขลาถูกกำจัดออกไป ตัวอักษรเพียงตัวเดียวแต่เต็มไปด้วยเหตุและผล จนสามารถพากายหยาบนี้บรรลุแจ้งสู่ทางสว่างได้" ที่วัดนาริตะซันแห่งนี้จะทำการสวด "บทสวดบูชาองค์ฟุโดเมียวโอ" พร้อมกันทุกคนในพิธีโกะมะคิโต เพื่อขอให้พระองค์ทรงดลบันดาลช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง องค์ฟุโดเมียวโอจะประทานโชคลาภและความสุขให้กับทุกคนที่ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ สามารถนำบทสวดบูชาองค์ฟุโดเมียวโอไปสวดภาวนาเป็นประจำ เพื่ออธิษฐานขอให้ชีวิตมีความสุขความเจริญได้
มกราคม | เดือนแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา |
---|---|
วันที่ 1 | "พิธีโอโกะมะคุในวันขึ้นปีใหม่" |
วันที่ 7 |
"นานะคุสะ โกะอินมง"
พิธีประทับตราสลักองค์ฟุโดเมียวโอลงบนหน้าผากที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านาน พิธีเก่าแก่ของวัดนาริตะซัน เพื่อขอพรให้มีผลการเรียนดี สอบผ่าน สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยการประทับตราศักดิ์สิทธิ์สีชาดที่สลักเป็นตัวอักษรสันสกฤตซึ่งหมายถึงองค์ฟุโดเมียวโอลงไปบนหน้าผาก |
วันที่ 8 |
"ไดฮันเนีย-เอะ" พิธีขอพรให้การเพาะปลูกพืชผลมีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยการสวดย่อบทสวด "ไดฮันเนียเคียว (ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร)"
เป็นพิธีสวดมนต์โดยการกล่าวเฉพาะส่วนต้นของบทสวด "ไดฮันเนียเคียว (ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร)" ทีละบทจนครบทั้ง 600 บท เชื่อกันว่าหากได้สัมผัสกับสายลมในพิธีสวดมนต์นี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ |
วันที่ 28 | "เทศกาลฮัตสึฟุโด" |
กุมภาพันธ์ | เดือนที่ภายในบริเวณวัดอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการอธิษฐานขอให้สอบผ่านและขอให้พรบรรลุผล |
---|---|
วันที่ 3 |
"เซ็ตสึบุน-เอะ"
นักซูโม่มืออาชีพและดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงเดินทางมาร่วมโปรยถั่ว เหล่านักซูโม่มืออาชีพและนักแสดงละครไทกะ (ละครย้อนยุครายปี) ของช่อง NHK จะมาเข้าร่วมเทศกาลโปรยถั่วและขอพร เพื่อขอให้เกิดความสงบสุขในโลก ผู้คนร่ำรวยมั่งคั่ง พืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ และโชคร้ายกลายเป็นดี |
วันที่ 3 - 9 |
"โฮชิคุคิโต-เอะ"
เทศกาลบูชาดวงดาว 9 ดวงที่ควบคุมดวงชะตาของมนุษย์ พิธีกรรมซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาเพื่อขอพรให้มีความสุขตลอดทั้งปี ไม่มีภัยใดๆ มากล้ำกราย ในทุกปีจะทำการบูชาเป็นเวลา 1 สัปดาห์นับตั้งแต่วันเซ็ตสึบุน ที่อุโบสถโคเมียวโดจะมีการแจก "ป้ายเครื่องรางโฮชิคุ" ที่ผ่านการทำพิธีปัดเป่าภัยพิบัติเรียกโชคเสริมลาภแล้วให้กับผู้ที่มาเข้าร่วม |
กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม |
"เทศกาลดอกบ๊วยนาริตะ"
ดอกบ๊วยแดงและดอกบ๊วยขาวจะเบ่งบานอวดสายตาผู้มาเยือน พิธีกรรมซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาเพื่อขอพรให้มีความสุขตลอดทั้งปี ไม่มีภัยใดๆ มากล้ำกราย ในทุกปีจะทำการบูชาเป็นเวลา 1 สัปดาห์นับตั้งแต่วันเซ็ตสึบุน ที่อุโบสถโคเมียวโดจะมีการแจก "ป้ายเครื่องรางโฮชิคุ" ที่ผ่านการทำพิธีปัดเป่าภัยพิบัติเรียกโชคเสริมลาภแล้วให้กับผู้ที่มาเข้าร่วม |
กลางเดือนกุมภาพันธ์ |
"พิธีบวงสรวงโอะไทยะเทศกาลศาลเจ้าชุสเสะอินาริ" "เทศกาลศาลเจ้าชุสเสะอินาริ" ขอพรให้ช่วยปัดเป่าอัคคีภัย เรียกโชคลาภเสริมดวง กิจการค้าขายรุ่งเรือง
ในทุกปีจะมีการทำพิธีบวงสรวงใหญ่ใน "วันม้าที่ 2 (ตามการนับของศาลเจ้าอินาริ)" ของเดือนกุมภาพันธ์ โดยก่อนหน้านั้น 1 วันจะมีการระบำบวงสรวง "โอะไทยะโฮระคุ" เป็นการแสดงความนับถือต่อเทพเจ้าด้วยการร่ายรำตามจังหวะเสียงขับร้องและเครื่องดนตรีญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีการเลี้ยงต้อนรับด้วยเหล้าหวาน |
มีนาคม | เดือนแห่งการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ อบอุ่นหัวใจด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกบ๊วย |
---|---|
กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม | "เทศกาลดอกบ๊วยนาริตะ" |
วันที่ 5 - 7 |
"การบำเพ็ญภาวนาจิคคะสะ จูมังเบ็ง"
สวดมนต์บูชาองค์ฟุโดเมียวโอ 1 แสนจบด้วยบทสวดขอพรโกะมะ 10 บท ในพิธีจะทำการประดิษฐานป้ายไม้ชิโด ซึ่งเป็นป้ายโกะมะแบบพิเศษจำนวนประมาณ 700 แท่งไว้ที่บริเวณด้านหน้าของแท่นโกะมะ พระสงฆ์จะเคาะเกราะไม้ใหญ่และนำสวดมนต์ โดยการสวดมนต์ภาวนาจะดำเนินไปพร้อมๆ กับการอธิษฐานขอความสงบสุขร่มเย็นบังเกิดกับผู้ศรัทธาทุกคน |
วันชุนบุน | "ฮิกัง-เอะ" |
เมษายน | เดือนที่จะได้ยลโฉมดอกซากุระบานบานสะพรั่ง |
---|---|
วันที่ 1 - 8 พิธีสรงน้ำพระ |
"ฮานามิโดคังบุสึ"
เฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันประสูตรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ให้กำเนิดศาสนาพุทธ ทำการสรงน้ำโดยตักน้ำชาหวานประพรมลงไปที่รูปสลักอันมีลักษณะวัยเยาว์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับกล่าวคำอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันประสูตรของพระองค์ แสดงออกถึงความซาบซึ้งในความเมตตากรุณาที่ทรงเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาแก่สัตว์โลก |
ต้นเดือนเมษายน | "พาเหรดเทศกาลดอกไม้" |
วันที่ 8 เทศกาลดอกไม้ |
"ชะคุซง โกดัง-เอะ" |
กลางเดือน |
"เทศกาลกลองไทโกะของเมืองนาริตะ"
การแสดงตีกลองไทโกะที่มีทีมนักตีกลองจากทั่วประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาเข้าร่วม โชว์ตีกลอง "เซ็งกังฮานะไดโกะ" นักแสดงจะตีกลองไปพร้อมๆ กับอธิษฐานให้เกิดความสงบสุข โดยมีนักตีกลองกว่า 800 คนที่เข้าร่วมการแสดงนี้ ไฮไลท์อยู่ที่เวที "นาริตะซันเซ็นเน็นโยะบุไต" ในบรรยากาศย่ำค่ำ นักแสดงจะร่ายรำเพลงกลองไปบนเวทีที่มีเงาของเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงมากระทบนอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดกลองไทโกะ ที่นักแสดงจะเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางของวัดพร้อมๆ กับโชว์ท่วงท่าในการบรรเลงกลอง |
วันที่ 28 |
"ฉะเซ็นคุโย-เอะ"
พิธีบวงสรวงไม้แปรงชงชา การบวงสรวงด้วยฉะเซ็นหรือไม้แปรงที่ใช้ในการชงชาทำการบวงสรวงโดยการเผาแปรงชงชาที่อนุสาวรีย์แปรงชงชา ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าหอศิลป์การเขียนตัวหนังสือพู่กันในบริเวณสวนสาธารณะนาริตะซัน เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกขอบคุณและอธิษฐานขอให้วัฒนธรรมการชงชาเจริญสืบไป |
ปลายเดือน | "พิธีทำบุญใหญ่เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของเจ้าชายโชโตะกุ" |
พฤษภาคม | เดือนที่ธงปลาคาร์ฟปลิวไสวอยู่กลางท้องฟ้าและอากาศแจ่มใส |
---|---|
วันที่ 8 |
"ไดฮันเนีย-เอะ"
กลางเดือน "เทศกาลเจดีย์ใหญ่สันติภาพ (เฮวะไดโต)" "รำบวงสรวง" อธิษฐานขอให้ความสงบสุขจงอยู่กับโลกนี้ตลอดไป ศาสนิกชนเดินขบวนร่ายรำถวายแด่รูปเคารพองค์ฟุโดเมียวโอและพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์ใหญ่สันติภาพเพื่อขอพรให้โลกนี้มีสันติสุขไปชั่วนิรันดร์และขอให้ครอบครัวมีความสุข |
กลางเดือน |
"โลโซะคุ โน"
การแสดงบนเวทีอันอ่อนช้อยโดยตระกูลอุเมะวากะ การแสดงละครโนบวงสรวง ที่เรียกว่า "โลโซะคุ โน" โดยอาจารย์อุเมะวากะ มิโนรุและตระกูลอุเมะวากะ จะถูกจัดขึ้นที่เวทีการแสดงพิเศษบริเวณชั้น 4 ของอาคารโคริงคาคุ |
วันที่ 27 |
"พิธีทำบุญใหญ่เพื่อน้อมรำลึกถึงการมาขององค์พระประธาน"
พิธีทำบุญจัด ณ บริเวณที่รูปเคารพขององค์ฟุโดเมียวโอทรงขึ้นฝั่งมาเพื่อแสดงถึงความเคารพนับถือ สมเด็จพระสังฆราชคันโช ไดโซโจขึ้นเรือที่ท่าเรือในนัมบะ เพื่อพระราชดำเนินทางทะเลลงมายังคันโตพร้อมกับรูปสลักองค์ฟุโดเมียวโอ โดยสถานที่ที่พระองค์ทรงขึ้นฝั่งคือหาดโอดาเระกาฮามะบนชายฝั่งคุจูคุริ ตั้งแต่วัดแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาก็ได้มีการจัดพิธีทำบุญบูชา ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่องค์พระประธานทรงขึ้นฝั่งมาอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาด เพื่อแสดงความขอบคุณต่อความกรุณาขององค์ฟุโดเมียวโอที่ทรงปกปักคุ้มครองประชาชนและบ้านเมือง |
ปลายเดือน |
"พิธีไคอุน ยาคุโยเคะ ไซโต โอโกะมะคุ - โกะมะงิไคกัง - เดินลุยไฟ"
ทำพิธีโกะมะภายนอกอาคารและบำเพ็ญเพียรด้วยการเดินลุยไฟ พิธีโกะมะคิโตจะจัดขึ้นบริเวณด้านนอกของอุโบสถตามธรรมเนียมของพระผู้ปฏิบัติธรรมในป่า เพื่ออธิษฐานขอให้คำขอของผู้มานมัสการบรรลุตามที่หวัง หลังจากที่ไฟสงบลงแล้วจะมีการประกอบพิธีเดินลุยไฟเพื่อเสริมโชคลาภและเรียกความสุขด้วย |
มิถุนายน | เดือนที่จะได้เห็นภาพของดอกอาจิไซ (ไฮเดรนเยีย) ชูช่อรับฝนที่ตกลงมาโปรยปราย |
---|---|
ต้นเดือน |
"งานคัดลอกบทสวดมนต์"
เฉลิมฉลองวันคล้ายวันสมภพของปรมาจารย์โคเงียวไดชิและปรมาจารย์โคโบไดชิ จะมีการจัดงานร่วมชุมนุมกันเพื่อคัดลอก "ฮันเนียชินเงียว (ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร)" และกล่าวคำอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันสมภพของปรมาจารย์โคเงียวไดชิและปรมาจารย์โคโบไดชิ |
ต้นเดือน |
"งานเทศกาลเบ็นไซเต็ง"
สักการะรูปเคารพองค์เทพเจ้าที่เปิดให้นมัสการได้เพียงปีละ 1 ครั้ง ใน 1 ปีจะเปิดให้เข้าไปสักการะรูปเคารพของเทพเจ้าเบ็นไซเต็ง เทพเจ้าแห่งดนตรี คำพูด โชคลาภและอื่นๆ ได้เป็นระยะเวลา 2 วัน โดยจะมีการแจกป้ายพิเศษสำหรับงานเทศกาลเบ็นไซเต็ง |
วันที่ 15 |
"งานทำบุญเฉลิมฉลองวันคล้ายวันสมภพของปรมาจารย์โคเงียวไดชิและปรมาจารย์โคโบไดชิ"
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาต่อพระครูที่ทรงก่อตั้งนิกายชินงอนและพระครูผู้ฟื้นฟูคำสอนศาสนา เดือนมิถุนายนนี้เป็นเดือนเกิดของพระปรมาจารย์โคโบ ไดชิ คูไค ผู้ทรงริเริ่มพระพุทธศาสนานิกายชินงอน และปรมาจารย์โคเงียวไดชิ คาคุบัง ผู้ที่ได้ฟื้นฟูหลักธรรมคำสอนขึ้นมาอีกครั้งจะมีการทำบุญครบรอบให้กับพระครูซึ่งเป็นพระปรมาจารย์ทั้งสององค์ เพื่อแสดงถึงความนับถือและขอบคุณ |
กรกฎาคม | เดือนที่แสงอาทิตย์สาดส่อง บอกให้รู้ถึงฤดูร้อนที่มาเยือนอีกครั้ง |
---|---|
ต้นเดือน |
"นาริตะซัน กิออน-เอะ"
เทศกาลที่จัดเป็นประจำเมื่อถึงช่วงเริ่มต้นฤดูร้อน กับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 300 ปี ในช่วงระยะเวลาที่มีการจัดงานนาริตะซัน กิออน-เอะ จะมีการเปิดประดูสู่ส่วนลึกภายในวัดที่เรียกว่า "โอคุโนะอิน" ซึ่งมีพระไวโรจนพุทธะประดิษฐานอยู่ ให้ผู้มาสักการะได้ข้อพรให้มีโชคมีลาภกันทุกคน พืชผลเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์ รถลากมิโคชิที่ประดิษฐานพระไวโรจนพุทธะเป็นองค์พระประธานจะถูกแห่นำหน้าขบวนไปรอบเมืองในอุโบสถโคเมียวโดจะมีพิธีปลุกเสกด้วยดาบสวรรค์ "อามะคุนิโฮเคน" ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสพิเศษ |
วันที่ 12 |
"พิธีทำบุญใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งวัด"
กลางเดือน "ปาฐกถาเช้า" การปาฐกถาต่อจากพิธีโกะมะเช้าที่ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด พิธีการกล่าวปาฐกถาในช่วงเช้าตรู่ของวัน โดยวิทยากรจากแวดวงต่างๆ ที่ได้รับการเชิญชวนมาเข้าร่วม |
สิงหาคม | เดือนที่เสียงจิ้งหรีดส่งเสียงร้องเรไรชวนให้นึกถึงความหลัง |
---|---|
วันที่ 13-15 | "อุระบง-เอะ" |
วันที่ 16 | "พิธีทำบุญใหญ่เซงะคิ" |
วันที่ 23 และ 24 | "งานแสดงรำบงโอโดริ เทศกาลมิทามะ" |
กันยายน | เดือนที่รวงข้าวออกผลเป็นเม็ดข้าวสีทองส่องประกายระยิบระยับ |
---|---|
วันที่ 8 | "ไดฮันเนีย-เอะ" |
วันที่ 23 | "ฮิกัง-เอะ" |
ปลายเดือน | "พิธีไคอุน ยาคุโยเคะ ไซโต โอโกะมะคุ - โกะมะงิไคกัง - เดินลุยไฟ" |
วันที่ 27 | "พิธีทำบุญใหญ่เพื่อน้อมรำลึกถึงการมาขององค์พระประธาน" |
ตุลาคม | เดือนที่ลมเอื่อยๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดมาให้จิตใจเย็นสบาย |
---|---|
วันที่ 1 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน |
"พิธีเฉลิมฉลองชิจิโกะซัง"
พิธีตามขนบธรรมเนียมของญี่ปุ่นที่จะอวยพรให้เด็กๆ เจริญเติบโตอย่างแข็งแรงและมีความสุข อวยพรให้เด็กที่มีอายุครบ 3 ปี 5 ปีและ 7 ปี เจริญเติบโตอย่างมีความสุข และอธิษฐานขอพรให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เรียนเก่งมีผลการเรียนที่ดี |
กลางเดือน | "งานคัดลอกบทสวดมนต์" |
ปลายเดือน | "การแสดงดนตรีงากาคุ (ดนตรีในราชสำนักญี่ปุ่นสมัยโบราณ)" |
วันที่ 20 และ 21 | "เทศกาลเก็น เมืองนาริตะ (ดนตรีบรรเลงเครื่องสาย)" |
วันที่ 20 ตุลาคม - 15 พฤศจิกายน |
"งานจัดประชันดอกเบญจมาศ"
มวลดอกเบญจมาศที่ถูกนำมาประดับแต่งแต้มสีสันในบริเวณวัด ช่วงเวลาในการชมดอกเบญจมาศคือช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะดอกเบญจมาศที่ถูกจัดเป็นพุ่มโตย้อยลงมาซึ่งจัดแสดงไว้หน้าไดฮนโดเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด |
พฤศจิกายน | เดือนแห่งความงามของใบไม้ที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีสันที่สดใส |
---|---|
วันที่ 1 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน | "พิธีเฉลิมฉลองชิจิโกะซัง" |
วันที่ 20 ตุลาคม - 15 พฤศจิกายน | "งานเทศกาลดอกเบญจมาศ" |
กลางเดือน | "เทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี" |
ธันวาคม | เดือนแห่งการขอบคุณช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา |
---|---|
วันที่ 8 | "ฉะคุซน โจโด-เอะ" (หลังจากทำบุญครบรอบแล้วจะมีการเลี้ยงข้าวต้มที่เชื่อกันว่าทำให้สุขภาพแข็งแรงและอายุยืน) |
วันที่ 27 | "พิธีทำบุญใหญ่เพื่อน้อมรำลึกถึงการมาขององค์พระประธาน" |
วันที่ 28 |
"พิธีเผาบัตรผู้แสวงบุญ - พิธีไซโต โอโกะมะคุ"
เผาป้ายโกะมะที่ใช้ในการขอรับการปกปักคุ้มครองจากเทพเจ้ามาตลอด 1 ปี พิธีโกะมะคิโตกระทำด้านนอกอุโบสถโดยการเผาป้ายโกะมะหรือเครื่องรางที่ได้รับมาพร้อมกับอธิษฐานแสดงความขอบคุณคืนป้ายและเครื่องรางให้กับเปลวไฟซึ่งหมายถึงองค์ฟุโดเมียวโอ เพื่อแสดงถึงความเคารพบูชาและแสดงความขอบคุณที่ทรงเมตตาปกปักคุ้มครองมาตลอดเวลา 1 ปี |